ล้มเหลวชัดเจน! เทียบเม็ดเงินเสริมทัพแมนยู-ลิเวอร์พูลยุคคล็อปป์คุมทีม

เริ่มโดย ทีเด็ดล้มโต๊ะ, เม.ย 21, 2022, 04:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

ทีเด็ดล้มโต๊ะ



แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล มีผลงานที่ห่างไกลกันอย่างสุดขั้วแล้วทั้งในแง่คุณภาพทีม และอันดับในตารางพรีเมียร์ลีก

    แม้สองทีมคู่แค้นจะมีทุนทรัพย์สำหรับการจับจ่ายใช้สอยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ผลลัพธ์ที่สะท้อนออกมาจากการคว้าแชมป์ถือว่าแตกต่างกันอย่างลิบลับ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ย้ายมากุมบังเหียน หงส์แดง เมื่อเดือนต.ค.2015 ซึ่งเขาพาทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าในระหว่างนี้ ผีแดง ใช้เงินซื้อนักเตะมาร่วมทีมเช่นกัน แต่กลายเป็นการซื้อที่ผิดฝาผิดตัวอย่างต่อเนื่อง แถมจ่ายเงินซื้อพ่อค้าแข้งหลายรายแพงเกินกว่าฝีเท้าอีกต่างหากเมื่อเทียบจากฟอร์มการเล่นที่เหลวแหลก



    ในทางกลับกัน ลิเวอร์พูล ควักกระเป๋าได้อย่างชาญฉลาด และซื้อนักเตะได้อย่างคุ้มค่าแทบทุกรายเนื่องจากทุกคนล้วนแล้วแต่เล่นได้เข้ากับระบบที่ คล็อปป์ วางเอาไว้จึงต้องถือว่าพวกเขาตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเสมอมา

    ไม่เพียงแต่จะได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก เรียบร้อยแล้ว แต่ซีซั่นนี้ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันกำลังจะพาแชมป์ คาราบาวคัพ เหมากวาดสี่โทรฟี่ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่าการจ่ายตลาดของถิ่น แอนฟิลด์ ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม

    "ในเยอรมัน เราจะมีหัวหน้าโค้ช และจากนั้นก็จะเป็นทีมงานอย่างน้อยสองรายที่มีความสามารถในการเสาะหานักเตะมาป้อนทีมในระยะยาว" คล็อปป์ เอ่ยกับ สกาย สปอร์ตส์ ก่อนเกมแดงเดือดที่เขาเอาชนะ ราล์ฟ รังนิก กุนซือร่วมชาติได้สำเร็จ



    "แต่ที่นี่ไม่ได้มีธรรมเนียมแบบนี้ ดังนั้นงานจึงตกอยู่กับผู้อำนวยการกีฬา หรือไม่ก็ผู้อำนวยการฟุตบอล มีเพียงไม่กี่ทีมที่เป็นเหมือนในเยอรมัน"

    "ผมรู้ว่า ลิเวอร์พูล , แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี มีผู้คนที่ดูแลการมองหานักเตะ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสโมสรของเราเช่นกันที่พวกเขาให้ความเอาใจใส่"

    อย่างไรก็ดี เพื่อสำรวจตรวจสอบว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ห่างไกลกันแค่ไหนในเรื่องของการจ่ายตลาดอย่างได้ผล เราจะไปดูข้อมูลจาก Transmarkt โดยคัดมาเฉพาะท็อปไฟว์การซื้อและขายนักเตะด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดของทั้งสองทีมนับตั้งแต่ คล็อปป์ ย้ายมารับงานกับรั้ว แอนฟิลด์ เพื่อความกระจ่างว่าทีมไหนถลุงเงินไปมากกว่ากัน

แมนฯ ยูไนเต็ด



- ห้านักเตะที่ซื้อเข้ามาแพงที่สุด

1.ปอล ป็อกบา 94.5 ล้านปอนด์ จาก ยูเวนตุส เดือนส.ค.2016

2.แฮร์รี่ แม็กไกวร์ 78.3 ล้านปอนด์ จาก เลสเตอร์ เดือนก.ค.2019

3.เจดอน ซานโช่ 76.5 ล้านปอนด์ จาก ดอร์ทมุนด์ เดือนก.ค.2021

4.โรเมลู ลูกากู 76.23 ล้านปอนด์ จาก เอฟเวอร์ตัน เดือนก.ค.2017

5. บรูโน่ แฟร์นันด์ส 56.7 ล้านปอนด์ จาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน เดือนก.ค.2020

- ห้านักเตะที่ขายออกไปแพงที่สุด



1.โรเมลู ลูกากู 66.6 ล้านปอนด์ ไป อินเตอร์ มิลาน เดือนส.ค.2019

2.เฮนริค มคิตาร์ยาน 30.6 ล้านปอนด์ ไป อาร์เซน่อล เดือนม.ค.2018

3.แดเนี่ยล เจมส์ 26.9 ล้านปอนด์ ไป ลีดส์ เดือนส.ค.2021

4.มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน 20.7 ล้านปอนด์ ไป เอฟเวอร์ตัน เดือนม.ค.2017

5.เมมฟิส เดอปาย 14.4 ล้านปอนด์ ไป ลียง เดือนม.ค.2017

รวมรายจ่าย : 832.23 ล้านปอนด์

รวมรายรับ : 229.22 ล้านปอนด์

ผลต่าง : 603.01 ล้านปอนด์

ลิเวอร์พูล



- ห้านักเตะที่ซื้อเข้ามาแพงที่สุด

1.เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ 76 ล้านปอนด์ จาก เซาธ์แฮม์ตัน เดือนธ.ค.2017

2.อลิสซน 56 ล้านปอนด์ จาก โรม่า เดือนก.ค.2018

3.นาบี้ เกอิต้า 54 ล้านปอนด์ จาก แอร์เบ ไลป์ซิก เดือนส.ค.2017

4.ฟาบินโญ่ 40 ล้านปอนด์ จาก โมนาโก เดือนพ.ค.2018

5.ดีโอโก้ โชต้า 40 ล้านปอนด์ จาก วูล์ฟส์ เดือนก.ย.2020

- ห้านักเตะที่ขายออกไปแพงที่สุด



1. ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 121 ล้านปอนด์ ไป บาร์ซ่า เดือนม.ค.2018

2.คริสติยอง เบนเตเก้ 28 ล้านปอนด์ ไป คริสตัล พาเลซ เดือนส.ค.2016

3.มามาดู ซาโก้ 25 ล้านปอนด์ ไป คริสตัล พาเลซ เดือนส.ค.2017

4.แดนนี่ อิงส์ 22 ล้านปอนด์ ไป เซาธ์แฮมป์ตัน เดือนก.ค.2019

5.โดมินิค โซลันกี้ 19 ล้านปอนด์ ไป บอร์นมัธ เดือนม.ค.2019

รวมรายจ่าย : 479.56 ล้านปอนด์

รวมรายรับ : 360.82 ล้านปอนด์

ผลต่าง : 115.74 ล้านปอนด์



    บทวิเคราะห์ : แมนฯ ยูไนเต็ด หนีไม่พ้นโดนดูแคลนว่ารวยไม่พอต้องฉลาดน้อยด้วยหลังลงทุนเม็ดเงินก้อนโตฉุด ป็อกบา กลับมาร่วมทัพ แต่กำลังจะถูกกองกลางเฟรนช์แมนย้ายออกไปแบบฟรีๆอีกเป็นคำรบสอง

    ยิ่งไปกว่านั้น มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสไม่เคยมีเกมที่ทำให้แฟน ปีศาจแดง จดจำได้เลยว่าเขาเก่งกาจถึงขนาดสมควรมีค่าฝีเท้าเกือบ 100 ล้านปอนด์เพราะส่วนใหญ่ ป็อกบา มักจะมีแต่เกมที่เลวร้าย ไม่อาจช่วยอะไรทีมได้เลยแม้แต่น้อย

    เท่านั้นไม่พอ แม็กไกวร์ ก็เป็นการซื้อที่น่าเซอร์ไพรส์เช่นกันสำหรับค่าตัวที่สูงขนาดนั้น แต่เล่นเกมรับได้อย่างน่าหัวร่อ แถมยังได้สวมบทกัปตันทีมมานานจนถึงวันนี้ทั้งๆที่ไม่มีคุณสมบัติความเป็นผู้นำเลยแม้แต่น้อย

    ไม่ต่างอะไรกับ ซานโช่ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง ต่างไปจากสมัยค้าแข้งใน บุนเดสลีกา กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลิบลับ จะมีก็แต่ ลูกากู ที่ถือว่าตอบแทนทีมได้ไม่เลวจากจำนวนประตู แม้แฟน ผีแดง อาจไม่แฮปปี้กับทักษะของเขา แต่ดาวยิงทีมชาติเบลเยี่ยมก็ย้ายออกไปคว้าแชมป์ เซเรียอา กับ งูใหญ่ ได้ แถมช่วยให้ทีมได้ค่าตัวอย่างงามอีกด้วย

    สำหรับ แฟร์นันด์ส แม้ผลงานโดยส่วนตัวจะเหนือกว่าเพื่อนร่วมทีม แต่เป็นความโชคร้ายที่เขาถูกห้อมล้อมด้วยนักเตะฝีเท้าต่ำต้อย ทำไปทำมากองกลางเลือดฝอยทองจึงมีผลงานที่มัวหมองตามไปด้วยโดยเฉพาะในยามต้องลงเล่นกับทีมยักษ์ใหญ่ซึ่งลำพังเขาคนเดียวไม่อาจช่วยอะไรทีมได้มากพอ



    ด้าน หงส์แดง เห็นได้ชัดว่า คล็อปป์ แก้ปัญหาได้ตรงเป้าเนื่องจากเท่าที่ผ่านมาทีมดังของเมอร์ซีย์ไซด์มีแนวทางการเล่นเกมรุกที่แพรวพราวอยู่แล้ว แต่เหตุที่ล้มเหลวไปนานสามทศวรรษเป็นผลมาจากแนวรับที่อ่อนปวกเปียก พร้อมเสียประตูให้คู่แข่งทุกเมื่อโดยไม่เว้นแม้แต่ทีมรองบ่อน

    จากวันวานที่ ลิเวอร์พูล ถูกหัวเราะเยาะเนื่องจากซื้อนักเตะไม่เป็นสับปะรดมาร่วมชายคา กุนซือด๊อยทช์เลือกซ่อมแซมแผงหลังด้วยการใช้เงินลงทุนสูงกับทั้งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติฮอลแลนด์ และนายทวารทีมชาติบราซิลซึ่งทำให้เกมรับของ เร้ด แมชีน ไม่ได้หน่อมแน้มเหมือนยุคก่อนอีกต่อไปแล้ว

    ประกอบกับการมองนักเตะได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าจะย้ายมาเข้ากับแผนของทีมได้แน่จึงทำให้ ลิเวอร์พูล มีขุมกำลังสำรองที่น่าเกรงขามเป็นที่สุด และมันเอื้อให้พวกเขาพร้อมสร้างประวัติศาสตร์ผงาดคว้าแชมป์สี่รายการในซีซั่นเดียวกันอย่างที่เห็น

    ยิ่งกับการขายนักเตะออกไปก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่า คล็อปป์ เลือกปล่อยนักเตะได้อย่างคุ้มค่าเนื่องจากหลายรายที่อำลาทีมไปไม่ได้แสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างชื่อกับต้นสังกัดใหม่ได้

    จนถึงวันนี้ ขุนพล หงส์แดง ทุกรายล้วนแล้วแต่เล่นได้ตามที่ คล็อปป์ คาดหวังไว้ หาไม่แล้วเขาคนนั้นก็ไม่คู่ควรที่จะได้สวมเครื่องแบบ เครื่องจักรสีแดง ถ้าไม่คิดทุ่มเท และวิ่งตะบึงกดดันฝ่ายตรงข้ามอันเป็นสูตรสำเร็จของกุนซือเฮฟวี่เมทัล

    แต่เมื่อเหลียวไปมอง โอลด์ แทรฟฟอร์ด มันน่าละเหี่ยใจที่เศรษฐี พรีเมียร์ลีก เลือกเก็บนักเตะที่ไร้ค่าเอาไว้ในทีมเต็มทีมไปหมด และเลือกใช้อ็อปชั่นต่อสัญญากับแทบทุกรายที่สมควรโละทิ้งไปนานแล้วไม่ว่าจะเป็น เอริค ไบยี่ , ฟิล โจนส์ , ฆวน มาต้า และ ฯลฯ

    จนในที่สุด เนมานย่า มาติช ก็รู้ตัวดีว่าสมควรชิงอำลาทีมหลังจบซีซั่นนี้เช่นเดียวกับ เจสซี่ ลินการ์ด ซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหมากพลาดเหมือน ป็อกบา อีกจนได้ที่ไม่คิดขายนักเตะออกไปตอนที่ยังได้ค่าตัว และมี เวสต์แฮม ตลอดจน นิวคาสเซิ่ล ให้ความสนใจ



    ไม่ผิดเลยที่ รังนิก ชี้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องโละนักเตะชุดนี้ทิ้งให้หมดเนื่องจากไม่ดีพอที่จะพาทีมท้าทายความสำเร็จ แต่ขณะเดียวกัน เอริค เทน ฮาก ที่เตรียมย้ายมาคุมทีมในซีซั่นหน้ายังถูกสงสัยว่าจะไปได้รอดใน พรีเมียร์ลีก หรือไม่เนื่องจากฟุตบอลดัตช์มีความเขี้ยวลากดินต่างกับลีกเมืองผู้ดีอย่างมหาศาล

    และที่สำคัญ เขาจะจ่ายตลาดผิดพลาดเหมือนกับนายใหญ่ ผีแดง หลายๆรายก่อนหน้านี้หรือเปล่าหากคิดจะพาดาวเตะ อาแจ็กซ์ ย้ายมาร่วมงานด้วย

    อย่างไรก็ดี ไม่ว่า เทน ฮาก จะเซ็นสัญญากับพ่อค้าแข้งรายไหน แมนฯ ยูไนเต็ด คงต้องอาศัยตลาดนักเตะอีกหลายรอบกว่าจะทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง

    ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับ ลิเวอร์พูล ที่เป็นยักษ์หลับอยู่นานหลายสิบปีก่อนจะมีกุนซือชั้นยอดย้ายเข้ามาปลุกทีมให้ตื่นขึ้นมาอาละวาดได้อย่างน่าสะพรึงกลัว