โคตรน่าอนาถ!ชำแหละเกมแดงเดือด แมนยูพ่ายลิเวอร์พูลราบคาบ

เริ่มโดย ทีเด็ดล้มโต๊ะ, เม.ย 20, 2022, 12:53 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

ทีเด็ดล้มโต๊ะ



ตั้งแต่อุทิศวิญญาณให้ปีศาจแดงมาเกือบ 40 ปี ผมไม่เคยเห็น แมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้คู่แค้นตลอดชาติของตัวเองอย่าง ลิเวอร์พูล ทั้งในบ้านและนอกบ้านแบบหมดรูป ราบคาบ และเสียหมาถึงขนาดนี้มาก่อน

เรียนตามตรงว่าโคตรน่าอนาถ !!!

    1. ก่อนศึกแดงเดือดนัดนี้ที่ แอนฟิลด์ ผมมีความรู้สึกเหมือน 'นักโทษประหาร' ที่กำลังจะถูกจับไปนั่งบนเก้าอี้ไฟฟ้ามหาประลัย ตอนตี 2 ของคืนวันอังคาร ตามเวลาประเทศไทย เพราะดูยังไงก็ไม่มีทางรอด

    ด้วยสภาพทีมที่ไม่สมประกอบ ปราศจากตัวสำคัญอย่าง ราฟาแอล วาราน, ลุค ชอว์, สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด และ เอดินสัน คาวานี่ ที่ยังไม่หายเจ็บ

    เฉพาะอย่างยิ่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากสภาพจิตใจให้ลงสนาม

    ด้วยฟอร์มการเล่นที่ห่วยแตก และด้วยมาตรฐานที่บัดซบ



    เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างหงส์แดงผู้อหังการที่ตัวผู้เล่นสมบูรณ์ทุกตำแหน่ง ฟอร์มการเล่นก็เปล่งปลั่งอย่างน่าสยดสยอง แล้วไหนจะความมุ่งมั่นและทุ่มเทที่สูงเกินพิกัดเก็บ

    มองมุมไหนก็ไส้แตกแน่นอนครับ

    ผมคิดว่าถ้าผมเป็นกุนซือปีศาจแดง ผมต้องวางแผนการเล่นอย่างไร ลูกทีมถึงจะรอด ???

    สิ่งที่แฟนบอลคนหนึ่งอย่างผมคิดออกคือวางระบบ 'หลังสาม' เน้นเกมรับแบบขนรถบัสไปจอดที่ แอนฟิลด์ พลางอัดกลางเยอะๆ แล้วอุดประตูแบบไม่คิดชีวิต

    ตั้งรับลึกๆ ปิดพื้นที่ให้แน่นหนามากที่สุด เล่นอย่างรัดกุม และระมัดระวังพลางทำลายเวลาไปเรื่อยๆ ก่อนค่อยๆ หาจังหวะจู่โจมอย่างฉาบฉวย

    บางทีหากโชคดีอาจจะรอด หรือไม่ก็แพ้น้อยหน่อย

    ตอนรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงออกมา ผมแอบดีใจเล็กๆ ที่ ราล์ฟ รังนิค เอาสูตร 'หลังสาม' มาใช้จริงๆ

    ฟิล โจนส์ ที่ไม่ได้ลงมานานถูกจับไปบวกกับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และวิคตอร์ ลินเดเลิฟ ขนาบข้างด้วย ดิโอโก้ ดาโลต์ กับ อารอน วาน-บิสซาก้า

    มิดฟิลด์ตรงกลางมีตัวรับอย่าง เนมานย่า มาติช รวมถึง ปอล ป๊อกบา กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทิ้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็น

    กองหน้า โดยให้ แอนโธนี่ อีลันก้า เป็นตัวช่วย

    เห็นแบบนี้ก็เข้าใจว่าน่าจะเล่นเกมรับเต็มรูปแบบ เพราะสถานการณ์มันบังคับให้ต้องเล่นแบบนี้

    อย่าไปคิดว่าไม่สมศักดิ์ศรีเลยครับ มันจำเป็น

    2. อนิจจา

    สิ่งที่คิดกับความจริงที่เกิดขึ้นบนฟลอร์หญ้ามันดันแตกต่างกันซะอย่างนั้น !!!



    ราล์ฟ รังนิค จัดตัวผู้เล่นแบบเน้นเกมรับ แต่ผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับไม่ได้ลงไปเล่นเกมรับ แถมเล่นเกมรับกันไม่เป็น

    คือเกมรับของพวกเขาห่วยอยู่แล้วนะครับ พร้อมเสียประตูตลอดเวลา แต่นี่ดันเล่นเกมรับเหมือนทีมท้ายตารางเวลาเจอ ลิเวอร์พูล กันไม่เป็นอีก

    แทนที่จะถอยมาตั้งรับลึกๆ เพื่อปิดช่องว่าง ไม่เปิดพื้นที่ให้ทีมที่เกมรุกรวดเร็วกว่านรกอย่างพวกพรี่ๆ โจมตี - ผู้เล่นพันธุ์อสูรกลับพุ่งเข้าหาคู่แข่งแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง

    แบบนี้ก็เสร็จซีครับ

    เพราะ ลิเวอร์พูล ต่อบอลกันรวดเร็วและแม่นยำ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เพรสส์กันไม่เป็นอยู่แล้ว มึงเพรสส์กันไม่เป็นมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ดันทะลึ่งขึ้นไปบีบเขาเนี่ยนะ

    สิ่งที่เกิดขึ้นคือพื้นที่ว่างมากมายในแดนหลัง

    แทนที่จะต้านทานให้นานที่สุด เพียงแค่ 5 นาที พวกพรี่ๆ ก็ยิงประตูขึ้นนำได้แล้วจากวิธีการเล่นที่ไม่รู้จักศักยภาพตัวเองของนักเตะปีศาจแดงนี่แหละ

    จบข่าวเลย เกมแทบโอเวอร์ตั้งแต่นาทีนั้น

    3. คุณภาพของพลพรรคปีศาจแดงชุดนี้ก็บัดซบทุกภาคส่วนจริงๆ นะครับ

    เกมรับยืนกันสับสน มั่วซั่ว เหม่อมอง หลุดตำแหน่ง เตะทิ้งเตะขว้าง หัวซุกหัวซุน ล่ก ลนลาน ครบเครื่องเรื่องส้นตีน

    เกมรุกสากกระเบือยังต้องยกมือไหว้ เพราะไม่มีระบบ ไม่มีรูปแบบ ส่วนทีมเวิร์ค ไม่ต้องพูดถึง ต่อบอลกันไม่เกิน 3 จังหวะก็เสียให้คู่ต่อสู้ จ่ายบอลแล้วก็ไม่รู้จะขยับไปตรงไหน พอจ่ายบอลไม่ได้ก็ต้องเลี้ยงหนี พอเลี้ยงก็ทำบอลลั่นบ้าง แตะยาวไปบ้าง



    มิหนำยังเล่นเหมือนไม่รู้จักตัวเองอีกต่างหาก

    คือมึงพยายามต่อบอลอย่างเหนือชั้น ทั้งๆ ที่คุณภาพในการรับส่งบอลต่ำตมสุดฤทธิ์อยู่แล้ว

    ยิ่งถูก ลิเวอร์พูล บีบสูงพลางพุ่งเข้าบดบี้เร็วมันก็ยิ่งไปกันใหญ่  ผมดูไปก็หัวเราะไป อะไรจะฮาขนาดนั้น

    4. ครึ่งหลัง

    กุนซือเจ้าของสมญา 'เดอะ โปรเฟสเซอร์' พยายามขัดขืนด้วยการปรับระบบการเล่นเป็น 4-2-3-1 โดยถอดเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง ฟิล โจนส์ ออกไปแล้วใส่ เจดอน ซานโช่ เข้ามาแทน

    อาการกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย เมื่อต่อบอลกันได้นานขึ้น และพอทำเกมรุกได้บ้าง จุดหนึ่งเพราะ ลิเวอร์พูล ผ่อนเกมของตัวเอง เนื่องจากนำห่าง 2-0 ด้วยแหละ



    แต่เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีความดุดันอะไรเลยครับ ประหนึ่งเอาผ้าเช็ดหน้าไปชุมน้ำแล้วหมุนๆๆๆ ให้เป็นเกลียวก่อนดีดใส่คู่แข่ง

    เวลาโดนบุก แผงหลังของ ลิเวอร์พูล อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้แต่พูดในใจเป็นภาษาดัตช์ว่า...จั๊กจี้

    เอาน่า - แม้นจะจั๊กกะจี้ อย่างน้อยก็ยังพอบุกได้บ้าง เด็กผีจะได้ไม่เสียหน้ามาก

    ทันใด วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ก็จ่ายบอลยัดให้เพื่อนที่ถูกประกบติด ไม่พร้อมเล่น แถมจ่ายไม่ตรงซะด้วย

    ผลคือถูกฉกไปยิง 3-0

    เท่านั้นไม่พอ

    คือแค่ 3-0 กูก็อยากเอาหน้ามุดลงไปในโถส้วมแล้ว บัดดล

    แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ดันทะลึ่งสวิตช์บอลแบบไม่จำเป็น

    จังหวะนั้นคืนหลังก่อนก็ได้ หรือให้บอลไปที่ตัวใกล้ก็ได้ กูจ่ายข้ามฟากแม่งเลยดีกว่า

    ทว่านอกจากจะโด่งเกินไปแล้วยังย้อนหลังอีกด้วย

    กว่าไอ้หนูฮันนิบาลหัวฟูฟ่องจะเอาบอลลง คู่แข่งเข้าประชิดแล้วฉกไปยิง 4-0

    โพ่งงงงตาย...สัด !!!

    ทั้ง 2 จังหวะคือการเล่นแบบบัฟฟาโล่ๆ ที่สร้างความเสียหายถึงตาข่ายพังทั้ง 2 จังหวะ

    แน่นอนว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

    5. จบเกม โดนกะซวกไป 4-0 รวม 2 นัด 9-0 รับรองโดนล้อไปจนเด๊ดห่านั่นแหละ แต่ขอกรีดตูดสาบานว่าเด็กผีอย่างผมไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่แสบ ไม่ร้อน ไม่เสียใจ และไม่ทุรายทุรนเลยนะครับ

    เหตุเพราะมันเลยจุดนั้นเรียบร้อยจน 'ชา' ไปแล้ว แต่สารภาพว่าโกรธ

    ผู้เล่นปีศาจแดงชุดนี้มีอัตราความส้นตีนสูงมากครับ ขอบอก ชื่อเสียง-ค่าตัว และค่าเหนื่อยโด่งดังเกินฝีเท้า

    มิหนำหัวใจยังมีขนาดใหญ่กว่าจิ๋มกระต่ายนิดหน่อย



    ตอนโดนนำ 2-0 หน้าตาแต่ละคนซีดเป็นปลาตายเลยคุณ

    เห็นแล้วก็ทุเรศอย่างบอกไม่ถูก

    อนึ่ง

    ว่าที่กุนซือปีศาจแดงคนใหม่อย่าง เอริค เทน ฮาก น่าจะซวยแล้วล่ะครับ