สังคมพนันบอลออนไลน์ SBOBET เว็บแทงบอลดีที่สุด

SBOBET NEWS => วิเคราะห์บอล บ้านผลบอล ข่าวกีฬา คาสิโน => หัวข้อที่ตั้งโดย: ทีเด็ดล้มโต๊ะ เมื่อ เม.ย 10, 2022, 09:23 หลังเที่ยง

ชื่อ: ล้วงลึกทุกมิติ! 9 ข้อควรรู้ก่อนเกมบิ๊กแม็ตช์แมนซิตี้ปะทะลิเวอร์พูล
โดย: ทีเด็ดล้มโต๊ะ เมื่อ เม.ย 10, 2022, 09:23 หลังเที่ยง
(https://static.siamsport.co.th/news/2022/04/10/news202204100414661.jpg)

ในที่สุด ศึก พรีเมียร์ลีก คู่หยุดโลกระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ก็จะฟาดแข้งกันแล้วในวันอาทิตย์นี้
    จากสถานการณ์ที่ปรากฏ เรือใบสีฟ้า นำหน้าเป็นจ่าฝูง และได้เล่นในรังตัวเองซึ่งหนล่าสุดที่ หงส์แดง บุกไปกำชัยที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้เกิดขึ้นในปี 2018

    แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เชื่อได้เลยว่าผลลัพธ์ของเกมนัดนี้สามารถออกได้ทั้งสามหน้าจากเหตุผลทั้งหมดเก้าข้อดังนี้

1.ช่องว่าง14แต้มที่โดนทำลาย

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1235676394-594x594(3).jpg)

    มีอยู่ช่วงหนึ่งราวกลางเดือนม.ค. แมนฯ ซิตี้ เคยชูคออยู่บนหัวตารางชนิดหายห่วง 14 แต้ม แต่ตอนนี้มันถูกลดลงเหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น

    ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ หงส์แดง เก็บได้ 30 แต้มเต็มจากการลงสนาม 10 นัดหลัง ขณะที่ เรือใบสีฟ้า คว้าเพิ่มมาได้ทั้งหมด 23 แต้ม

    โดยเฉพาะความพ่ายแพ้ที่มีต่อ สเปอร์ส และ คริสตัล พาเลซ ของทีมเงินถังกลายเป็นการช่วยปลุกความหวังในการคว้าแชมป์ของทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้อย่างอักโข

    เท่ากับว่าหาก ลิเวอร์พูล กำชัยได้อีกในเกมวันอาทิตย์นี้ พวกเขาก็จะกลับมากดดันให้ แมนฯ ซิตี้ ตกเป็นฝ่ายไล่ตามบ้างซึ่งไม่แน่ว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะทำได้ดีหรือเปล่า

    จากการลงเล่นเกมเหย้าในซีซั่นนี้ของทีมมหาเศรษฐี พวกเขาทำแต้มหล่นไปแปดแต้มจาก 14 นัดในเกมต้อนรับ เซาธ์แฮมป์ตัน , สเปอร์ส และ พาเลซ ซึ่งเป็นเพียงสามทีมที่มีแต้มติดไม้ติดมือออกไป

2.คนสำคัญที่หายไปของ แมนฯ ซิตี้

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1377678035-594x594(1).jpg)

  นอกจากจะต้องอกสั่นขวัญแขวนกับฟอร์มที่ร้อนแรงของ ลิเวอร์พูล แล้ว แมนฯ ซิตี้ ยังเป็นกังวลถึงแผงหลังของตัวเองเช่นกันต่อการปราศจาก รูเบน ดิอาส ปราการหลังตัวกลั่น

    สตาร์ทีมชาติโปรตุเกสบาดเจ็บไปตั้งแต่เดือนมี.ค.จากปัญหากล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังโดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาในระหว่างการแถลงข่าว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยืนยันว่า "ทุกคนฟิต ยกเว้น ดิอาส"

    ต่อปัญหาดังกล่าว เชื่อได้เลยว่า แมนฯ ซิตี้ จะไม่เสี่ยงส่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเลือดฝอยทองคัมแบ็คเร็วเกินไปอย่างแน่นอนเพื่อป้องกันการเจ็บซ้ำ

    ฉะนั้นแล้ว ภาระอันแสนหนักอึ้งในเกมวันอาทิตย์นี้ที่ต้องต่อกรกับเกมรุกที่แสนจัดจ้านของ ลิเวอร์พูล จึงตกอยู่กับ จอห์น สโตนส์ และ เอมเมริค ลาปอร์กต์

3.หงส์แดงเต็มถัง

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1372498442-594x594(1).jpg)

  ในทางกลับกัน เร้ด แมชีน ไม่มีปัญหาในเรื่องของขุมกำลังหลังบุกไปเอาชนะ เบนฟิก้า ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแปดทีมนัดแรกโดยไม่มีใครล้มเจ็บ

    เว้นก็แต่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่ไม่ได้ร่วมซ้อมกับทีม และเชื่อว่าจะพลาดการมีส่วนร่วมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

    แม้จะเป็นเรื่องดี แต่หากจะให้มองในแง่ร้าย เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องกุมขมับอย่างไม่ต้องสงสัยต่อการจัดทัพ 11 คนแรกลงเล่นกับทีมจ่าฝูง

    ถึงกระนั้น กุนซือด๊อยทช์อาจส่งสัญญาณอะไรบางอย่างออกมาที่ สตาดิโอ ดา ลุซ ก็ได้กับการถอด ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ติอาโก้ ออกจากเกมราวหนึ่งชั่วโมง

4.ทีมเยือนจะจัดทัพอย่างไร?

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1369844108-594x594.jpg)

    เป็นธรรมดาที่ทุกทีมจะต้องมีผู้นำหรือว่ากระดูกสันหลังที่ได้ลงสนามเป็นประจำ

    แต่สำหรับ ลิเวอร์พูล มันแตกต่างไปเนื่องจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมของพวกเขาไม่ได้รับการการันตีว่าจะอยู่ในโผ 11 คนแรกแบบอัตโนมัติ

    ดังจะเห็นว่าเกมบู๊กับ เบนฟิก้า เฮนโด้ ได้ลงเล่นในครึ่งชั่วโมงสุดท้ายแทน ติอาโก้ จึงมีความเป็นไปได้ว่า นาบี้ เกอิต้า ที่มีฟอร์มน่าประทับใจอาจได้ลงเล่นเป็นตัวจริงต่ออีกเกม

    สำหรับแผงรุกของทีมเยือนซึ่งมีตัวเลือกมากถึงห้าราย แถมแต่ละรายล้วนมีความอันตรายด้วยกันทั้งนั้น

    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านาทีนี้ หลุยส์ ดิอาซ เป็นตัวเลือกแรกในใจของสววก เดอะ ค็อป ไปแล้ว และแม้เขาจะลงเล่นกับ เหยี่ยวลิสบอน ครบ 90 นาที แต่เกมบิ๊กแม็ตช์กับ แมนฯ ซิตี้ ปีกทีมชาติโคลอมเบียก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ดีโอโก้ โชต้า ต่อการได้ประสานงานร่วมกับ ซาลาห์ และ มาเน่

5.คิง ออฟ อียิปต์จะสลัดอาการฝืดได้หรือยัง?

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1390300175-594x594.jpg)

    ทำไปทำมา ซาลาห์ ไม่ใช่นักเตะที่ไม่อาจแตะต้องได้อีกแล้วในเมื่อหลายเกมหลังเขาพังประตูไม่ได้เลย

    อย่างไรก็ดี สำหรับเกมที่มีเดิมพันสูง ยังไงซะ คล็อปป์ ก็ต้องให้ความไว้เนื้อเชื่อใจยอดดาวยิงแอฟริกันอย่างไม่ต้องสงสัย

    อาจเป็นไปได้ว่าในซีซั่นนี้ ซาลาห์ ลงเล่นให้กับทั้งสโมสร และทีมชาติรวมกันมากเกินกว่า 4,500 นาทีแล้ว เขาจึงอาจอ่อนล้าบ้างเป็นธรรมดา

    แต่ถ้าจะมองไปที่สถิติของ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ก่อนหน้านี้ 12 นัด ซาลาห์ ตะบันได้ถึงเจ็ดประตู และสามแอสซิสต์ มันจึงบ่งบอกด้วยตัวของมันเองว่าการส่งเขาลงเล่นเกมนี้ย่อมดีกว่าการเลือกมองข้ามเขา

    แถมดีไม่ดี บางที บังโม อาจปลดล็อคคลำเป้า เรือใบสีฟ้า กดดันบอร์ดของสโมสรให้รีบต่อสัญญากับเขาก็เป็นได้

6.อริตัวฉกาจ

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1344599387-594x594(3).jpg)

  ทั้ง คล็อปป์ และ กวาร์ดิโอล่า ถือเป็นศัตรูที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเนื่องจากผ่านการปะทะฝีมือกันมาแล้ว 22 หนทั้งในลีกเมืองเบียร์ และลีกเมืองผู้ดี

    ยิ่งสำหรับกุนซือสแปนิช บอกได้เลยว่านาทีนี้นอนหลับแต่ละคืนฝันเห็นหน้ากุนซือชาวเมืองไส้กรอกที่กำลังตามหลอนเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

    "แม้แต่ตอนที่ผมดูและเล่นกอล์ฟ ผมนึกได้เสมอว่าคู่อริที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือ ลิเวอร์พูล" กวาร์ดิโอล่า เอ่ย

    แต่สำหรับ คล็อปป์ ในฐานะทีมรองจ่าฝูงที่ไล่หลัง เขาไม่มีความกดดันใดๆทั้งนั้นสำหรับเกมในวันอาทิตย์นี้ นอกจากความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า เรือใบสีฟ้า ก็สามารถอัปปางได้แม้จะแล่นฉิวอยู่บนมหาสมุทร พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้มาตั้งแต่แรก

7.คุณรู้หรือไม่?

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1236127034-594x594(1).jpg)

    นับตั้งแต่ซีซั่น 2018/19 แมนฯ ซิตี้ เก็บแต้มได้ 338 แต้มจากทั้งหมด 432 แต้ม ขณะที่ ลิเวอร์พูล เก็บได้ 337 แต้ม

    ด้วยเหตุนี้ มันจึงสะท้อนให้เห็นถึงความสูสีคู่คี่ของสองทีมแกร่งแห่งพรีเมียร์ลีก ขณะที่ เชลซี ทีมอันดับสามไล่ตามมาห่างๆจากการเก็บได้ 264 แต้ม

    กระทั่งจากอันดับตารางล่าสุดที่ เรือใบสีฟ้า นำหน้า หงส์แดง แค่แต้มเดียวเท่านั้น โอกาสจึงเปิดกว้างแล้วสำหรับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ที่จะแซงนำยอดทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งของสโมสรจาก พรีเมียร์ลีก ในข่ายนี้

8.ความท้าทายของ คล็อปป์

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1389826342-594x594.jpg)

    หลังจาก ลิเวอร์พูล ไล่ตาม แมนฯ ซิตี้ เหลือแค่แต้มเดียวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสองทีมนำของ พรีเมียร์ลีก จะเหลือโปรแกรมอีกเจ็ดนัดเท่ากันหลังต่อกรกันเสร็จสิ้นแล้วในเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

    อย่างไรก็ดี ในฐานะทีมตามหลัง คล็อปป์ แสดงทีท่าล่วงหน้าว่าพร้อมแบกรับอารมณ์ได้ทั้งสองทางไม่ว่าผลลัพธ์ในเกมวันอาทิตย์นี้จะออกมาในรูปไหน

    "ผมไม่อาจตัดสินถึงสิ่งที่ผู้คนคิดได้ แต่เราสามารถคว้าผลลัพธ์อย่างดีที่สุดได้ หากเราชนะ เราจะนำสองแต้ม หากเราแพ้ เราจะตามหลังสี่แต้ม ผมไม่อาจเปลี่ยนอะไรได้ แต่ผมรู้ว่าไม่มีใครในทีม ซิตี้ คิดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น หากเราเสมอกัน มันก็จะเป็นการตามหลังหนึ่งแต้มเหมือนเดิม มันก็เท่านั้น"

    "มันเป็นเกมที่สำคัญ ผมเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ มันเป็นหนึ่งในเกมที่ท้าทายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในเกมฟุตบอล แต่มันเป็นเรื่องที่ดี"

    "เรากำลังจะมีเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซีซั่นนี้เท่าที่เราลงสนามมา และผมแฮปปี้ที่เรามีความเกี่ยวข้อง ผมสามารถจินตนาการได้ว่าผู้คนมากมายจะดูเกมนี้ และเราจะพยายามอย่างเต็มที่ ผมสามารถพูดได้ทั้งหมดเพียงเท่านี้"

9.ผู้ตัดสิน

(https://static.siamsport.co.th/files/images/gettyimages-1389941726-594x594.jpg)

    แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ถูกวางตัวให้เป่านกหวีดเกมบิ๊กแม็ตช์วันอาทิตย์นี้ และทำให้สาวก เร้ด แมชีน หัวเสียกันไม่น้อยเนื่องจากเขาเป็นชาวเมืองแมนเชสเตอร์ แต่กลับถูกเลือกให้ตัดสินเกมที่สำคัญที่สุดของซีซั่น

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่วีเออาร์ได้แก่ คีแรน เทียร์นีย์ ซึ่ง คล็อปป์ เคยระเบิดอารมณ์ใส่เมื่อเดือนธ.ค.ว่า "ผมไม่มีปัญหากับผู้ตัดสินคนไหน นอกจากคุณ"

    อย่างไรก็ดี อย่างที่เราท่านรู้และเห็นกันว่า เทย์เลอร์ หรือจะเป็น เทียร์นีย์ ไม่ใช่ท่านเปาแค่สองรายที่สร้างความหงุดหงิดให้กับแฟนบอลจากมาตรฐานที่ถูกโจมตีมานาน เพียงแต่สิ่งที่สำคัญก็คือเกมวันอาทิตย์นี้มันจะมีปัญหาหรือว่าดราม่าให้เป็นที่ครหาของชาวประชาอีกหรือเปล่าเท่านั้น