(https://static.thairath.co.th/media/dFQROr7oWzulq5Fa5x9M23Glxh7lvGecJvl5kczVULXiFehJ2lq674WPxA24se8M0pz.jpg)
ใกล้เข้ามาทุกขณะ สำหรับศึกแห่งศักดิ์ศรี ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ซึ่งหนนี้เป็นครั้งที่ 48 จะฟาดแข้งกัน 22–25 ก.ย.นี้ ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่
มี 4 ชาติ เข้าร่วมชิงชัย ประกอบด้วย ทีมชาติไทย (อันดับ 111 ของโลก), มาเลเซีย (อันดับ 148 ของโลก), ทาจิกิสถาน (อันดับ 109 ของโลก) และตรินิแดดและโตเบโก (อันดับ 101 ของโลก)
และถือเป็นเกมระดับเอ แมตช์ ซึ่งตรงกับปฏิทินฟีฟ่าเดย์ ที่เก็บคะแนนสะสมอันดับโลกด้วย
ก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายกังวลเรื่องของตัวผู้เล่นว่าจะได้นักเตะที่ดีที่สุดมาร่วมทีมหรือไม่
แต่สุดท้าย "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะผู้จัดการทีม ก็ทำให้แฟนบอลได้ชุ่มชื่นหัวใจ เมื่อดำเนินการติดต่อสโมสรต้นสังกัดต่างๆจนได้ผู้เล่นคนสำคัญๆ เข้ามาอยู่ในทีม นำโดย 2 นักเตะในเจลีก ญี่ปุ่น ทั้ง "เมสซีเจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ "เช็ค" สุภโชค สารชาติ
(https://static.thairath.co.th/media/4DQpjUtzLUwmJZZSE6Wqzcg2d5FYVFwsNqqTYeg9Bhr8.webp)
นอกจากนี้ ยังมี จักรพันธ์ แก้วพรม, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น และ ศุชภัย ใจเด็ด ที่นำเป็นดาวซัลโวไทยลีกอยู่ในขณะนี้ ด้วยผลงาน 5 ประตู เป็นตัวชูโรง
โดยรายชื่อทั้ง 23 คน ประกอบไปด้วย 1.ธีราทร บุญมาทัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 2.นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 3.พรรษา เหมวิบูลย์ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 4.ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 5.ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 6.สารัช อยู่เย็น (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด) 7.ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)
14.ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (การท่าเรือ เอฟซี) 15.ศุภนันท์ บุรีรัตน์ (การท่าเรือ เอฟซี) 16.กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ราชบุรี เอฟซี) 17.จักรพันธ์ แก้วพรม (ราชบุรี เอฟซี) 18.วีระเทพ ป้อมพันธุ์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด) 19.พิชา อุทรา (เมืองทอง ยูไนเต็ด) 20.ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด) 21.เฉลิมศักดิ์ อักขี (โปลิศ เทโร เอฟซี) 22.สุภโชค สารชาติ (ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร) 23.ชนาธิป สรงกระสินธุ์ (คาวาซากิ ฟรอนตาเล)
ขณะที่ มาโน โพลกิง กุนซือของทีมชาติไทย กล่าวว่า แม้ว่าสถิติ 5 เกมหลังสุดกับมาเลเซีย ทีมไทยอาจจะผลงานไม่ค่อยดี แต่ว่าครั้งนี้เรามีผู้เล่นที่ดี และที่สำคัญด้วยแรงเชียร์ของแฟนบอลที่เข้ามาดูเต็มสนาม จะสามารถช่วยให้เราเก็บชัยชนะได้
ตอนนี้มีเป้าหมายเดียวร่วมกัน คือการคว้าแชมป์คิงส์คัพให้ได้
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ มีดังนี้ วันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย. คู่ที่ 1 เวลา 17.30 น. ตรินิแดดและโตเบโก พบทาจิกิสถาน ถ่ายทอดสดทาง AIS Play คู่ที่ 2 เวลา 20.30 น. ทีมชาติไทย พบ "เสือเหลือง" มาเลเซีย ถ่ายทอดสดทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 และ AIS Play
ส่วนวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย. เกมชิงอันดับที่ 3 เวลา 17.30 น. และชิงชนะเลิศ เวลา 20.30 น. ทั้งนี้ ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ถ่ายทอดสดทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงสนาม
จริงอยู่ที่ทีมชาติไทยในฐานะเจ้าภาพ ครองความยิ่งใหญ่เป็นแชมป์รายการนี้มากสุดถึง 15 สมัย
แต่ก็ต้องบอกว่าแชมป์ครั้งล่าสุดของเราต้องย้อนกลับไปถึง 5 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2560)
ฉะนั้นเชื่อว่าในครั้งนี้ขุนพลนักเตะ "ช้างศึก" ของเราจึงหมายมั่นปั้นมือเหลือเกินว่า
จะนำ "ถ้วยของพระราชา" กลับคืนสู้อ้อมกอดของชาวไทยให้จงได้.