(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/26/news-45b8630214.jpg)
ดิว็อค โอริกี้ กองหน้าของหงส์แดงลิเวอร์พูล ถูกแฟนบอลยกย่องให้เป็นเทพในร่างมนุษย์ แม้เขาจะไม่ได้เป็นตัวจริงให้กับหงส์แดงอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ยิงประตูถล่มทลาย จนสร้างตำนานของตัวเองขึ้นมาเหมือนอย่าง ซาลาห์ , มาเน่ แต่กลับถูกจดจำจากปรากฎการต่าง ๆ ที่อธิบายไม่ได้ ราวกับถูกพระเจ้ากำหนดไว้ให้มีเส้นทางตำนานในแบบของตัวเอง
โอริกี้ก้าวเท้าเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ในปี 2014 แต่ก็ถูกปล่อยยืมตัวไปถึง 2 ครั้ง ก่อนจะเปล่งออร่าเทพเข้าตาเจอร์เกนส์ คล็อปป์ จึงตัดสินใจเก็บเขาไว้ในฐานะกองหน้าตัวสำรองที่มีสไตล์การเล่นแตกต่างจากโรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน่ ที่ยึดตัวจริงอยู่ ณ ตอนนั้น
นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกของคล็อปป์ที่เก็บโอริกี้เอาไว้ในทีม นั่นทำให้ตำนานได้เริ่มขึ้น ซีซั่น 2018/19 ในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ที่ร้อนระอุ
(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/26/51c1ccab52.jpg)
ผลกำลังจะจบด้วยสกอร์เสมอ 0-0 นั่นไม่เพียงพอต่อการลุ้นแชมป์ของหงส์แเดง คล็อปป์จึงตัดสินใจส่ง "เทพกี้" ลงมาในนาทีที่ 84 เพื่อหวังจะยิงประตูได้ให้
เกมดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 90 ช่วงทดเวลาผ่านมาแล้ว 6 นาที ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิก เรียกได้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้บุกขึ้นไปลุ้นประตูแล้ว เมื่อเปิดบอลขึ้นไป และโดนเคลียออกมาเข้าทาง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้วอลเลย์แบบแป๊ก ๆ แบบลอยโด่งย้อย ๆ แบบไม่มีลุ้น จนเจ้าตัวยังตอนหันหน้าหนี แต่แล้วปาฎิหารก็เกิดขึ้น เมื่อบอลย้อย ๆ ลูกนั้นตกลงบนคาน ก่อนจะเด้งกลับเข้ามาในสนามไปเข้าทางโอริกี้ โหม่งเข้าไปให้ทีมเก็บ 3 คะแนนในวินาทีสุดท้าย นั่นเป็นการประกาศศักดาว่าเทพได้จุติขึ้นแล้ว
หลังจากนั้นอิทธิฤทธิ์ของเทพกี้ก็ปรากฎมาให้คนได้บูชากันเรื่อย ๆ ทั้งในเกมที่หงส์แดงกำลังจะเสมอกับนิวคลาสเซิลที่ 2-2 นั่นจะส่งผลให้การลุ้นแชมป์เป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น แต่โอริกี้ก็ลงมาบันดาลชัยด้วยการยิงประตูช่วงท้ายเกมให้ทีมชนะไป 3-2
(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/26/d7fafc80b2.jpg)
หนึ่งในไฮไลท์ความเป็นเทพของเจ้าตัวก็แสดงออกมาในเกมแชมป์เปี้ยนลีกส์นัดที่ 2 ที่ต้องเจอกับบาร์เซโลน่า โดยนัดแรก "เดอะ เร้ด แมชชีน" แพ้ไปถึง 0-3 ซึ่งเป็นสกอร์ที่ห่างมาก และพวกเขากำลังต้องเจอกับภาระกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ นั่นคือการต้องเอาชนะทีมของเมสซี่ถึง 4 ลูกเพื่อการผ่านเข้ารอบต่อไป
แต่แล้วค่ำคืนปาฎิหารย์ที่แอนฟิลด์ก็เกิดขึ้นด้วยการเหมาคนเดียว 2 ประตูของโอริกี้ที่ได้ลงเป็นตัวจริงในเกมนั้น ก่อนที่หงส์แดงจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 4-3 และก็เป็นเทพกี้คนดีคนเดิมที่จัดการยิงประตูปิดกล่องให้ทีมชนะสปอร์สในนัดชิงชนะเลิศ เถลิงขึ้นเป็นจ้าวยุโรปสมัยที่ 6 อย่างสวยงาม
(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/26/8fb1ee57cc.jpg)
หลังจากนั้นเป็นต้นมา " โอริกี้ " ก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น " เทพกี้ " ของเหล่าเดอะ ค็อป จากปาฎิหารย์ต่าง ๆ ที่เจ้าตัวแสดงออกมา ทั้งการยิงประตูในช่วงเวลาสำคัญ ๆ หรือบางครั้งแค่มายืนข้างสนามรอเปลี่ยนตัวทีมก็ยิงได้ทันที หรือแม้กระทิ้งยิงบอลแป๊ก ๆ แต่กลายเป็นแอสซิสต์แบบสวยงาม
(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/26/836b9f92d6.jpg)
และล่าสุดมหาเทพก็จัดการโชว์พลังอีกครั้งในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ เกมนี้ลิเวอร์พูลที่กำลังตัน ๆ ในเกมรุก เจาะเอฟเวอร์ตันไม่เข้ามาเกิน 60 นาทีแล้ว แต่เมื่อเทพกี้ก้าวเท้าลงสนามทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เขามีส่วนร่วมกันประตูแรกที่ทีมทำได้ จากการพักบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนจะส่งให้ซาลาห์แอสซิสต์ให้โรเบอร์สันโหม่งเข้าไป และก็ไม่พลาดที่จะยิงประตูเองด้วย ส่งผลให้ลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้มสำคัญลุ้นแชมป์กับแมนฯซิตี้ต่อยาว ๆ
(https://img.pptvhd36.com/thumbor/2022/04/26/979bcb6ea7.jpg)
แม้ฉายา "เทพกี้" นี้แฟนบอลหลายคนอาจจะพูดเอาฮาในเชิงล้อเลียนด้วยการที่จะเก่งก็ไม่เก่ง แต่มักจะทำประตูสำคัญ หรือสร้างโมเมนต์สำคัญให้กับทีมได้ตลอด แต่คล็อปป์กับไม่คิดเห็นอย่างนั้น เขามองว่าโอริกี้คือตำนานของทีมอย่างแท้จริง จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดหลังเกมกับเอฟเวอร์ตัน โดยนายใหญ่หงส์แเดงยกย่องโอริกี้ว่า