"เจ้าภาพ" กัมพูชา ส่อเค้าต้องดิ้นรนอย่างหนักท่ามกลางโอกาสที่ริบหรี่เพื่อให้ผ่านรอบตัดเชือกให้ได้ หลังพ่าย เมียนมา 0-2 ในฟุตบอล ชาย รอบแรก กลุ่ม เอ นัดที่ 3 ในการแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่พนมเปญ เมื่อ 7 พ.ค.

เมียนมา ได้สองประตูในครึ่งแรกจาก เฮียน อ่อง นาที 13 และ เตต ซอ นาที 38 ส่งผลให้ เมียนมา 3 นัด มีเพิ่มเป็น 6 คะแนน ขึ้นไปรั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม นัดสุดท้ายเจอกับ ฟิลิปปินส์
ขณะที่ กัมพูชา ที่เคยประกาศลุ้นถึงเหรียญทอง จากชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ เหนือติมอร์ 4-0 และ เสมอฟิลิปปินส์ 1-1 ตอนนี้มี 4 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม เอ อีกคู่ อินโดนีเซีย ถล่ม ติมอร์ 3-0 ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนหลังคว้าชัย 3นัดรวด มี 9 แต้มเต็ม

นัดสุดท้าย กัมพูชา จำเป็นต้องเอาชนะ อินโดนีเซีย และต้องลุ้นให้ เมียนมา แพ้ ฟิลิปปินส์ ให้ได้สถานเดียว ซึ่งโอกาสตกรอบของกัมพูชา ค่อนข้างสูงมากหากเทียบฟอร์มในเวลานี้

ก่อนหน้านี้ เสา โสขา นายกสมาคมฟุตบอลกัมพูชา ออกมาประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าตนขอลาออกจากตำแหน่งทันทีหากทีมฟุตบอลชาย กัมพูชา ตกรอบแรกในซีเกมส์ ครั้งที่ 32

มีรายงานจากสื่อต่างประเทศเผยว่า ลิเวอร์พูล เตรียมที่จะตั้ง ยอร์ก ชมัคเค่ นั่งแท่นเป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ของสโมสร

ตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาสโมสรลิเวอร์พูล กำลังจะเปลี่ยนคนมานั่งบริหารอีกครั้ง หลังในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ และ จูเลี่ยน วอร์ด เลือกที่จะอำลาทีมไป โดยเฉพาะรายหลังที่ขึ้นมาสืบทอดเก้าอี้ต่อจาก เอ็ดเวิร์ดส์ ได้ไม่นานก็กำลังจะอำลาทีมไป

เรื่องดังกล่าวจึงทำให้ "หงส์แดง" ต้องหาคนใหม่เข้ามาแทนที่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญต่อสโมสรในเรื่องการซื้อ-ขายผู้เล่น ที่คาดว่าจะยกเครื่องชุดใหญ่ และจากรายงานของ เทเลกราฟ สื่อเมื่อผู้ดีนั้น ระบุว่า ลิเวอร์พูล ได้มีการพูดคุยกับ ยอร์ก ชมัคเค่ ชาวเยอรมันวัย 59 ปีในการดึงเข้ามารับบทบาทนี้

ทั้งนี้ ชมัคเค่ อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้ยหูากนัก แต่ในเรื่องความสำเร็จ เขาได้สร้างตัวเองขึ้นมาจนเป็นที่รู้จักในประเทศบ้านเกิด โดยเคยเป็นผู้รักษาประตูเฝ้าเสาให้กับ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ, ไฟร์บวร์ก, ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค

จากนั้นได้เริ่มทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬากับ อาเค่น เมื่อปี 2001 ต่อด้วย ฮันโนเวอร์ และ โคโลญจน์

แซม อัลลาร์ไดซ์ ระบุ ถ้าตนได้คุม แมนฯ ซิตี้ ตนก็สามารถนำทีมมีลุ้นซิวทริปเปิ้ลแชมป์ได้เหมือนกัน โดยบอกว่าขุมกำลังของ "เรือใบสีฟ้า" แข็งแกร่งสุดๆ

แซม อัลลาร์ไดซ์ ผู้จัดการทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด แสดงความเชื่อว่าตนก็จะสามารถพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีลุ้นทำทริปเปิ้ลแชมป์ได้เหมือนกัน หากได้กุมบังเหียน "เรือใบสีฟ้า"

อัลลาร์ไดซ์ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุม ลีดส์ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ด้วยภารกิจที่ต้องพาทีมรอดจากการตกชั้นให้ได้ ซึ่งเกมแรกของเขาก็เป็นงานหินเมื่อต้องไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ที่กำลังมีลุ้นแชมป์ทั้งใน พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

หลังโดนถามว่าถ้าเขาได้คุม แมนฯ ซิตี้ เขาจะพาทีมมีลุ้นทั้ง 3 แชมป์ได้เหมือนกันหรือไม่นั้น อัลลาร์ไดซ์ ก็ตอบว่า "ได้แน่นอน นักเตะคือคนที่ทำให้คุณเป็นผู้จัดการทีมที่ดีและเป็นโค้ชที่เก่ง งานของคุณคือการคุยกับนักเตะเหล่านั้นให้ดี แน่นอนว่าเราต่างก็มีความกดดันเป็นของตัวเอง แต่การได้ร่วมงานกับนักเตะที่มีคุณภาพสูงแบบที่พวกเขา (แมนฯ ซิตี้) มีอยู่ในทีมน่ะคือฝันที่เป็นจริงของคนเป็นโค้ชเลยล่ะ"

ดีน สมิธ กุนซือ เลสเตอร์ มั่นใจว่า เจมี่ วาร์ดี้ พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาช่วยทีมในภารกิจหนีตายได้ และบอกด้วยว่าตอนนี้ทีมของตนแค่ต้องใช้จุดเด่นของ วาร์ดี้ ให้เป็นประโยชน์เท่านั้น

ดีน สมิธ ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความเชื่อว่า เจมี่ วาร์ดี้ กองหน้าประสบการณ์สูงพร้อมแล้วที่จะโชว์ฟอร์มเก่งออกมาเพื่อทำให้ทีมรอดจากการตกชั้นได้

ดาวเตะวัย 36 ปีถือเป็นนักเตะคู่บุญของ เลสเตอร์ จากการทำประตูให้ทีมได้หลายลูกอยู่บ่อยๆ แต่ซีซั่นนี้เขาเพิ่งยิงได้เพียง 3 ประตูจากการลงเล่น 33 นัดในลีก จนทำให้ตอนนี้ "สุนัขจิ้งจอก" อยู่ในโซนท้ายตารางคะแนน

สมิธ กล่าวว่า "ในช่วงไม่กี่นัดที่ผ่านมาหลายคนได้เห็นกันแล้วว่าเขาแสดงให้เห็นถึงความกระหาย, ความมุ่งมั่น และความขยันที่ดี ขาของเขายังออกแรงไหวอยู่ สมองในการเล่นของเขาก็ยังดีอยู่ เขาทำประตูได้มาแล้วในเกมกับ ลีดส์ และ เอฟเวอร์ตัน ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ดีเลย"

"เขารู้ดีว่าเขาจะถูกตัดสินผ่านทางจำนวนประตูที่ทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้ถูกส่งลงสนามเพื่อที่จะได้มีลุ้นทำประตูหรือโอกาสเหล่านั้นมากนัก แต่เกมกับ วูล์ฟส์ เขาเรียกจุดโทษให้ทีมได้ จากนั้นก็ทำประตูได้ในเกมกับ ลีดส์ ส่วนเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เขามีทั้งชอตที่ทำประตูได้และยิงชนคาน เขากำลังมีฟอร์มที่ดี และใน 4 เกมต่อจากนี้เราก็ต้องการสิ่งนั้น"

"ประเด็นสำคัญมันไม่ใช่เรื่องการสร้างความมั่นใจของเขากลับมา แต่เราต้องใช้งานจุดเด่นของเขาให้ได้มากกว่าเดิม เขาเป็นนักเตะที่เคลื่อนที่ได้ชาญฉลาดมากๆ แต่มันจำเป็นต้องผ่านบอลไปในจุดที่เขาจะวิ่งเข้าไปได้ด้วย ถ้าคุณผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้นได้แล้วล่ะก็เขาก็จะสามารถทำบางอย่างได้ เราต้องส่งบอลไปให้เขา และเขาก็ต้องวิ่งเข้าไปหาบอลให้ได้"

เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ ยังไม่รู้ว่าในช่วงซัมเมอร์นี้จะมีงบให้ใช้มากเท่าไหร่ พร้อมย้ำว่าการเสริมทัพให้ดีคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพาทีมมีลุ้นแชมป์รายการใหญ่ๆ

เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ ยังไม่รู้ว่าในช่วงซัมเมอร์นี้จะมีงบให้ใช้มากเท่าไหร่ พร้อมย้ำว่าการเสริมทัพให้ดีคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพาทีมมีลุ้นแชมป์รายการใหญ่ๆ

หลังโดนถามว่าเขารู้รึยังว่าจะมีงบประมาณการเสริมทัพมากแค่ไหนในช่วงซัมเมอร์นี้แล้วนั้น เทน ฮาก ก็ตอบว่า "ไม่ ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนั้น สิ่งเดียวที่ผมรู้ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นหนึ่งใน 2 หรือ 3 สโมสรที่มีฐานแฟนบอลขนาดใหญ่ที่สุดของโลก"

"สโมสรแห่งนี้ต้องได้ลุ้นแชมป์รายการใหญ่ๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็น แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ พรีเมียร์ลีก แต่ในเกมฟุตบอลน่ะคุณจำเป็นต้องมีงบประมาณสำหรับการสร้างขุมกำลังที่ดี เพราะระดับของนักเตะจะเป็นการตัดสินว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ทุกคนรู้ดีว่าคุณต้องการงบประมาณสำหรับการสร้างขุมกำลัง และนักเตะที่เก่งๆ ก็มีค่าตัวมหาศาล"

โจเซป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯ ซิตี้ ระบุ เออร์ลิง ฮาลันด์ ยังสามารถพัฒนาตัวเองได้อีก แต่ก็ไม่ขอเอา ฮาลันด์ ไปเปรียบเทียบกับ ลิโอเนล เมสซี่ แต่อย่างใด

โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงคนเก่งของทีมยังสามารถโชว์ฟอร์มที่ดีกว่านี้ได้อีก

ฮาลันด์ เพิ่งย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ก็สามารถระเบิดฟอร์มเก่งได้ทันทีจนถึงขั้นยิงไป 50 ลูกจากการลงเล่น 44 นัดในทุกรายการ พร้อมกับทำให้ทีมมีลุ้นแชมป์ทั้งในรายการ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

กวาร์ดิโอล่า เผยว่า "เกมการเล่นของเขาน่ะยังสามารถพัฒนาให้มันดีกว่านี้ได้อีกเยอะ เขามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักเตะที่เก่งขึ้น ตราบใดที่เขามีแรงกระหายแบบนั้นแล้วน่ะเขาก็จะสามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้แน่นอน การไปทงำานโดยที่รู้ว่าตัวเองยังสามารถทำได้ดีกว่าเดิมได้คือทัศนคติที่ถูกต้อง"

"เขามีความคิดประมาณว่า -นั่นดัพอรึเปล่านะ ?- เมื่อคุณคุยกับเขาแล้วน่ะเขาก็จะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า -ใช่ ผมต้องทำให้ได้ ผมต้องเล่นให้ดีขึ้น- ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีต่ออาชีพการเล่นของเขา มันไม่ใช่ความเย่อหยิ่งเลย มันเป็นความมั่นใจในตัวเองที่บอกว่า -ฉันจะยิงได้- มันเป็นเรื่องน่าทึ่งมากๆ ที่เขาเพิ่งเข้ามาแล้วยิงได้ 50 ลูกตั้งแต่ฤดูกาลแรก รวมถึงสามารถทาบสถิติของ 2 ตำนานอย่าง (แอนดี้) โคล กับ (อลัน) เชียเรอร์ ได้"

อย่างไรก็ตาม กุนซือคนดังก็ไม่ขอเอา ฮาลันด์ ไปเปรียบเทียบกับ ลิโอเนล เมสซี่ อดีตลูกทีมคนโปรด โดยบอกว่าส่วนตัวแล้ว เมสซี่ ยังเป็นนักเตะที่ครบเครื่องที่สุดอยู่ "แน่นอน ไม่มีใครสามารถเทียบกับ เมสซี่ ได้ การพูดอะไรแบบนั้นจะไม่ส่งผลดีต่อ เออร์ลิง แต่ถ้าพูดถึงเฉพาะในแง่ของจำนวนประตูและหลักความคิดก็ต้องบอกว่าพวกเขาคล้ายกัน เขาทำประตูในระดับเท่าๆ กันได้ ทุกวันนี้เขาแทบจะยิงได้ในทุกนัดเลย เขามีค่าเฉลี่ยที่จะยิงได้ในทุกๆ 1 หรือ 2 เกม แต่ยังไงซะ เมสซี่ ก็เป็นนักเตะที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาอยู่ดี"

พอล พาร์คเกอร์ ระบุ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นเหมือนนักแสดงฝีมือห่วยจนทำให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ดูแย่ตามไปด้วยเวลาที่เล่นคู่กัน พร้อมบอกว่าสไตล์ของ แม็กไกวร์ ไม่ดีพอที่จะเล่นให้ทีมในกลุ่ม 10 อันดับแรกของตารางคะแนนด้วย

พอล พาร์คเกอร์ อดีตแนวรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่าที่ผ่านมา แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังกัปตันทีม "ปีศาจแดง" ทำให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กองหลังเพื่อนร่วมทีมดูแย่ตามไปด้วย

แม็กไกวร์ มีผลงานที่เลวร้ายกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจนทำให้หลายคนมองว่าเขาไม่ควรได้อยู่กับทีมต่อไป โดยก่อนหน้านี้เขามักจะถูกใช้งานร่วมกับ ลินเดอเลิฟ บ่อยๆ ซึ่งในช่วงนั้นทีมได้ผลการแข่งขันที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ในช่วงไม่กี่นัดที่ผ่านมา ลินเดอเลิฟ ได้ยืนคู่กับ ลุค ชอว์ และทำผลงานได้ดีพอตัว

พาร์คเกอร์ เผยว่า "ที่จริง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ไม่ได้เล่นเย่ลงเลยในตอนที่ต้องจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เพียงแต่ แม็กไกวร์ ทำให้เขาดูแย่ก็เท่านั้น ลองนึกภาพตามดูนะว่ามันมีหนังเรื่องหนึ่งที่ประกอบด้วยดาราฝีมือดีคนหนึ่งกับนักแสดงที่แย่มากๆ คนหนึ่ง พอเป็นแบบนั้นน่ะดาราที่เล่นเก่งก็จะดูแย่ตามไปด้วยทันทีเพราะเขาต้องรับภาระแบกนักแสดงอีกคนเอาไว้"

"นั่นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ลินเดอเลิฟ ตอนที่เขาต้องเล่นร่วมกับ แม็กไกวร์ และพอเขา (ลินเดอเลิฟ) มาเล่นกับ ชอว์ แล้วน่ะทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีดาราฝีมือดี 2 คนลงเล่นให้ทีม พวกเขาเติมเต็มให้กันและกันด้วย ลุค ชอว์ เป็นคนที่เล่นกับบอลได้ดีมากๆ ซึ่งตอนที่ แม็กไกวร์ เพิ่งย้ายมาอยู่กับ ยูไนเต็ด ทุกคนต่างก็พูดว่าเขามีดีพอที่จะเล่นแบบนั้นได้ แต่คนที่เคยเห็นฟอร์มของเขาตั้งแต่ตอนที่อยู่กับ ฮัลล์ ย่อมรู้ดีว่าเขาไม่เคยเป็นคนที่เล่นกับบอลได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"

"เขาทำได้เพียงเลี้ยงบอลไปมารอบกรอบเขตโทษและทำพลาด แต่พอเป็นแบบนั้นมันมักจะมีการพูดว่าเป็นแค่จังหวะที่โชคร้าย นั่นเป็นจุดขายของเขา แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนคุมแผงหลังไม่ได้ เขาทำอย่างนั้นไม่ไหว เขามีสไตล์ที่อยากถอยไปตั้งรับลึก และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาควรจะย้ายไปอยู่กับทีมที่ชอบเล่นด้วยแผนที่ถอยไปตั้งรับลึกๆ แน่นอนว่าเขาเล่นให้ทีมในกลุ่ม 10 อันดับแรกไม่ไหว เขาอาจจะเล่นให้หนึ่งในทีมที่อยู่ใน 10 อันดับล่างของตารางคะแนนไหวก็ได้ถ้าทีมเหล่านั้นใช้แผนที่ถอยไปตั้งรับลึก แต่เขาเล่นให้ทีมที่ดันแนวรับขึ้นมาสูงๆ ไม่ไหวหรอก"

"อย่างไรก็ตาม แม็กไกวร์ อาจจะกลายเป็นปัญหาก็ได้เมื่อถึงตอนที่ตลาดช่วงซัมเมอร์เปิดทำการ เพราะผมไม่คิดว่าเขาอยากจะย้ายทีม และผมก็ไม่คิดด้วยว่ามันจะมีทีมไหนที่อยากจ่ายเงินเท่ากับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งราคาเอาไว้ เขาเองพอใจกับการเป็นนักเตะของ ยูไนเต็ด และอาจจะไม่มีความทะเยอทะยานมากพอที่จะย้ายทีมเพื่อรักษาตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษก็ได้ เขาอาจจะคิดว่าไม่ว่ายังไงซะตัวเองก็จะยังติดทีมแน่นอน เขามีความมั่นใจในตัวเองแบบนั้นอยู่ในตัว ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงแล้วน่ะมันเป็นเหมือนความหยิ่งยโสมากกว่า"

คณะกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพอังกฤษ สวนกลับ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ที่บอกว่าถูก พอล เทียร์นี่ย์ เชิ้ตดำชาวอังกฤษพูดจาหยาบคายใส่หลังจบเกมกับ สเปอร์ส โดยบอกว่าพวกเขาตรวจสอบคลิปเสียงแล้วและไม่เจอคำพูดแบบนั้นเลย

คณะกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีจีเอ็มโอแอล) แถลงการณ์ตอบโต้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล หลังจากกุนซือชาวเยอรมันอ้างว่า พอล เทียร์นี่ย์ พูดไม่ดีใส่เขาในเกม พรีเมียร์ลีก นัดที่ "หงส์แดง" เปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 4-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา

นัดดังกล่าว ลิเวอร์พูล ได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกมจาก ดีโอโก้ โชต้า หลังจากที่เพิ่งถูก สเปอร์ส ตีเสมอได้ไม่กี่วินาทีก่อนหน้านั้น ซึ่งตอนที่ได้ประตูดังกล่าว คล็อปป์ ก็วิ่งไปอยู่ตรงหน้า จอห์น บรู๊คส์ ผู้ตัดสินที่ 4 ประจำเกมนี้แล้วฉลองอย่างสุดเหวี่ยง เพราะส่วนหนึ่งเขาไม่พอใจกับการตัดสินที่ทำให้ทีมเสียประตูที่ 3

ทั้งนี้ คล็อปป์ ได้รับบาดเจ็บตรงเอ็นหลังหัวเข่าจากการฉลองชอตนี้ และในเวลาต่อมา เทียร์นี่ย์ ก็มาแจกใบเหลืองให้ คล็อปป์ เพราะมองว่าเขาฉลองเกินกว่าเหตุ ซึ่งหลังจบเกมไปแล้วนั้นกุนซือเลือดเบียร์ยอมรับว่าตนอาจจะฉลองแบบจัดหนักเกินไปหน่อย แต่เสริมว่า เทียร์นี่ย์ พูดคำพูดที่รุนแรงจนถึงขั้นที่ยอมรับไม่ได้ใส่เขาตอนที่ชักใบเหลืองเหมือนกัน

พีจีเอ็มโอแอล ระบุว่า "พีจีเอ็มโอแอล ตระหนักถึงการแสดงความเห็นของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังจบเกมที่ทีมของเขาเจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เป็นอย่างดี เราขอชี้แจงว่ากรรมการที่ทำหน้าที่ในเกมระดับ พรีเมียร์ลีก ทุกเกมจะถูกบันทึกคำพูดเอาไว้ผ่านทางระบบการสื่อสารอยู่แล้ว และหลังจากได้ตรวจสอบคลิปเสียงของ พอล เทียร์นี่ย์ จากเกมในวันนี้แล้วนั้น เราก็ยืนยันได้ว่าเขาประพฤติตัวได้แบบมีความเป็นมืออาชีพตลอดทั้งเกม นั่นรวมถึงตอนที่เขาแจกใบเหลืองให้ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ด้วย ดังนั้นเราจึงขอปฏิเสธการให้ความเห็นที่บอกว่า เทียร์นี่ย์ ประพฤติตัวได้ไม่เหมาะสม"

ริวัลโด้ ระบุ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ควรคิดให้ดีก่อนว่าอยากไปอยู่ บาร์เซโลน่า รึเปล่า เพราะมันมีโอกาสสูงที่เขาจะได้ลงเล่นไม่มากเท่าที่ควร

ริวัลโด้ ตำนานดาวเตะชาวบราซิเลียน กล่าวว่า โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หัวหอก ลิเวอร์พูล ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ควรจะไตร่ตรองให้ละเอียดเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะตัดสินใจว่าอยากไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ดีหรือไม่

ฟีร์มีโน่ เหลือสัญญากับ ลิเวอร์พูล จนถึงช่วงซัมเมอร์นี้เท่านั้น และเจ้าตัวก็ประกาศแล้วว่าจะแยกทางกับทีมเพื่อไปหาความท้าทายใหม่ๆ โดยที่ บาร์เซโลน่า ถือเป็นหนึ่งในทีมที่มีกระแสข่าวกับเจ้าตัวมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา

ริวัลโด้ ซึ่งเคยอยู่กับ บาร์เซโลน่า มาก่อน เผยว่า "ถ้าเขาจะตามรอยอดีตยอดนักเตะชาวบราซิเลี่ยนคนอื่นๆ แล้วล่ะก็ ผมก็เชื่อว่า ฟีร์มีโน่ คงจะเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ด้วยการไปเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า แต่ผมคิดว่าเขาควรจะตระหนักให้ได้ก่อนว่าบทบาทของเขาในทีมมันจะเป็นยังไง"

"ชาบี ชอบจัดทีมด้วยการใส่กองหน้าตัวกลางแค่คนเดียวอยู่เสมอ และคนที่ว่าก็คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แน่นอนว่าถ้าเกิด ฟีร์มีโน่ ย้ายทีมแล้วน่ะมันก็อาจจะมีการเปลี่้ยนแผนบ้างก็ได้ แต่มันมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่เขาจะเป็นเพียงตัวสำรองที่ได้เล่นเพียงไม่กี่นาที นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมคิดว่าเขาควรจะไตร่ตรองการตัดสินใจของตัวเองให้ดี ปัจจัยสำคัญมันไม่ใช่ว่าเขากำลังจะย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล แต่เป็นการที่เขาเสียตำแหน่งตัวจริงภายในทีมไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ถือว่าพรากประวัติศาสตร์อันงดงามที่เขาเขียนขึ้นไปจากเขาหรอกนะ"

บทความคล้ายกัน : https://siambet888.net/index.php?topic=669.0